หากจะถามนักธุรกิจว่ารู้จัก digital disruption มากน้อยแค่ไหน มั่นใจเลยว่าคนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินคำ ๆ นี้มาก่อน ซึ่งก็เชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่สงสัยว่า digital disruption คืออะไรกันแน่และสิ่ง ๆ นี้มีบทบาทสำคัญอย่างไรกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนเลยว่าถ้านักธุรกิจคนไหนที่คิดว่าธุรกิจของตัวเองนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและโลกดิจิทัลก็ย่อมไม่สนใจการ disruption ธุรกิจ หรือว่าควรนำ technology disruption เข้ามาใช้ประโยชน์ในด้านใดได้บ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว digital disruption คือการเปลี่ยนแปลงที่มีความสำคัญต่อทุก ๆ ธุรกิจ เพราะฉะนั้นในวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักความหมายและประโยชน์ของ digital disruption ต่อโลกธุรกิจให้มากขึ้น
ถ้าให้อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ เกี่ยวกับความหมายของคำว่า digital disruption ก็คือ การหยิบเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการดำเนินธุรกิจให้เกิดเป็นนวัตกรรม โมเดลธุรกิจ หรือแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ขึ้นมาที่ส่งผลต่อรูปแบบของสินค้า บริการ และราคาของสินค้าให้มีความแตกต่างไปจากเดิม โดยในปัจจุบัน technology disruption ที่ถูกนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงธุรกิจนั้นมีอยู่หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น โซเซียลเน็ตเวิร์ก, สื่อออนไลน์, Mobile Internet, ระบบ AI, Cloud technology, 3D printing, Internet of Things (IOT), Automatic of Knowledge word ,การส่งข้อมูลแบบ Real Time, ระบบจดจำข้อมูลอัตโนมัติ Advanced robotics การใช้ประโยชน์จากหุ่นยนต์หรือ Next - generation genomic หรือเทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์
อย่างไรก็ตาม การเกิด digital disruption ในทางธุรกิจต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประการแรกคือ technology disruption ที่นำมาใช้นั้นต้องก่อให้เกิดผลลัพธ์หรือผลกระทบแบบใหม่ ๆ ขึ้นมา ประการที่สองคือ การดำเนินการและเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของธุรกิจต้องเกิดขึ้นบนโลกดิจิทัลเท่านั้นแต่ถ้าหากเกิดขึ้นบนช่องทางทำธุรกิจแบบอื่นอย่างเช่นการขายหน้าร้าน Telesales หรือการขายผ่านข้อมูลจะไม่ถือว่าเป็น digital disruption และประการสุดท้ายก็คือ ต้องสามารถเจาะกลุ่มหรือฐานลูกค้าใหม่และกลายเป็นตลาดใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งหากมีครบทั้ง 3 ประการนี้จึงจะถือว่าธุรกิจเกิดการ disruption ขึ้น
สำหรับตัวอย่างของการ disruption ธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งของประเทศไทย ก็คือ บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ
ค่ายอาร์เอส โดยแต่เดิมเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเพลงเป็นหลักทำให้กลุ่มลูกค้าที่ติดตามและซื้อสินค้าหรือบริการของบริษัทจึงเป็นกลุ่มวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อในปัจจุบันที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีการพัฒนาและเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นจึงส่งผลทำให้พฤติกรรมของการฟังเพลงและการเสพสื่อต่าง ๆ ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ก่อให้เกิดการ
disruption ธุรกิจของอาร์เอส ทางผู้บริหารอาร์เอสจึงได้แตกไลน์ธุรกิจจากด้านสื่อเพลงสื่อบันเทิงอย่างเดียวมาเข้าสู่ธุรกิจ Commerce โดยการขายสินค้าแบรนด์ RS Mall และ COOLanything ผ่านธุรกิจเอนเตอร์เทรนเมนต์ อย่างช่อง 8 ทางทีวีดิจิทัล คลื่นวิทยุ COOLfahrenheit ช่องทาง Application เว็บไซต์ของตัวเอง นอกจากนั้นยังมีการขายสินค้าและบริการช่องทางสื่อโซเซียลที่เป็นพันธมิตรอีกมากมาย ในส่วนของธุรกิจเพลงนั้นก็ยังคงมีการบริหารจัดเก็บการค่าลิขสิทธิ์ในการจัดการเพลงและจัดการกับศิลปินในสังกัดซึ่งผลจากการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ทำให้บริษัทสามารถผ่านวิกฤตทางการเงินและทำกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 184% จากการประเมินในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ซึ่งหากใครอยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรชั้นนำอย่างบริษัท rs สมัครงานได้ที่นี่เลย
https://www.rs.co.th/th/career/