ThaiBuddyTrip.com - เว็บคู่หูของคนชอบเที่ยว

Full Version: ก่อนเปลี่ยนยางควรรู้ 6 เรื่องสำคัญเกี่ยวกับ ยางรถเก๋ง ที่คุณไม่ควรมองข้าม
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
หนึ่งในเรื่องสำคัญของการดูแลรถตั้งแต่รถเก๋งไปจนถึงรถกระบะและรถตู้นั่นก็คือการเปลี่ยนยางตามระยะทาง แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นระหว่างการใช้ยางก็มีเรื่องที่ควรใส่ใจเช่นกัน โดยเฉพาะลมยางและการเช็กสภาพยางตลอดอายุการใช้งาน และในวันนี้เราจะมาพูดถึง ยางรถเก๋ง กันครับ

เริ่มต้นด้วยการเช็กลมยาง เพราะการเติมลมยางจำเป็นต้องรู้ว่าควรเติมเท่าไหร่ โดยปริมาตรลมยางมีหน่วยเป็น PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับรถเก๋งค่ามาตรฐานอยู่ระหว่าง 25 - 32 PSI แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเติมตามค่าที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถหรือสติ๊กเกอร์บริเวณประตูฝั่งคนขับ

เหตุที่เราแนะนำให้ดูค่ามาตรฐานเพราะยางสำหรับรถแต่ละประเภทมีค่าลมยางต่างกัน รวมถึงหากเติมลมมากหรือน้อยเกินไปจะทำให้ยางสึกเร็วกว่าปกติและอาจสัมผัสความแตกต่างได้อย่างชัดเจนขณะขับขี่ เช่น หากเติมลมมากเกินไปยางจะมีความกระด้างและหน้ายางสึกเร็วกว่าปกติ โดยหากเป็น ยางนุ่มเงียบ เมื่อเติมลมมากเกินไปจะสังเกตความกระด้างของยางได้ชัดเจน ส่วนการเติมลมยางน้อยเกินไปจะมีผลต่อการเร่งความเร็วและการสึกหรอของขอบยาง

นอกจากค่าลมยางมาตรฐานที่ต่างกันตามประเภทรถแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ยางสำหรับรถเก๋งต่างจากยางรถประเภทอื่นคือประสิทธิภาพการรองรับน้ำหนักบรรทุกรวมถึงการออกแบบยาง โดยเมื่อเป็นรถเก๋งยางจะเน้นความนุ่มเงียบรวมถึงสมรรถนะรถ (ขึ้นกับประเภทยาง) ส่วนยางรถกระบะเพื่องานบรรทุกจะเน้นความทนทานและการรองรับน้ำหนักได้มาก

รู้เรื่องลมยางแล้วจำเป็นต้องรู้วิธีดูแลยางระหว่างใช้งานด้วย เริ่มจากเช็กลมยางอยู่เสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง รวมถึงช่วงเวลาที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเร็วผิดปกติ เพราะทั้งระยะเวลาและอุณหภูมิภายนอกมีผลต่อปริมาณลมยางที่ลดลง นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางอะไหล่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อให้พร้อมเปลี่ยนยางทดแทนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

เมื่อเติมลมยางแล้วอย่าลืมเช็กสภาพจุกวาล์วปิดลมยางด้วย เพราะหากเสื่อมสภาพจะทำให้อากาศรวมถึงสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในยางส่งผลให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงจนถึงขนาดทำให้ยางเสื่อมสภาพ วิธีดีที่สุดคือเปลี่ยนจุกยางทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนยางใหม่

การใช้ยางให้ได้ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานคุ้มค่าที่สุดจำเป็นต้องใช้ยางตามประสิทธิภาพการรับน้ำหนักบรรทุกและความเร็วสูงสุด แทนด้วยตัวเลขและตัวอักษรซึ่งสังเกตได้จากขนาดบนแก้มยาง เช่น ยางขนาด 265/65R17 112S หมายถึงรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ที่ระดับ 112 เมื่อเทียบกับตารางค่ามาตรฐานจะพบว่าน้ำหนักที่รองรับได้อยู่ที่ 1,120 กิโลกรัม ตัวเลขมากจะยิ่งรองรับน้ำหนักได้มาก และใช้ความเร็วสูงสุดได้ที่ระดับ S เมื่อเทียบกับตารางค่ามาตรฐานจะพบว่าสามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มาถึงตรงนี้สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการเลือกยางที่ช่วยให้ได้รับความปลอดภัยในการขับขี่และเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย หากคุณใช้รถเก๋งแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกยางรถยนต์ขอบ17ของยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำให้เข้าไปเลือก ยางรถเก๋ง จาก ยางของ bridgestone​ซึ่งมียางทุกประเภทที่พร้อมตอบโจทย์การใช้รถได้ตามที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณจะอยากเปลี่ยนยางสมรรถนะสูง ยางนุ่มเงียบ ยางประหยัดพลังงาน หรือแม้แต่ยางที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง เข้ามาเลือกยางกับบริดจสโตนรับรองว่าพบยางที่ตรงใจและเหมาะกับรถอย่างแน่นอน โดยรุ่นที่เหมาะกับรถเก๋งมีหลายรุ่น เช่น TURANZA T005A สำหรับคนที่เน้นความนุ่มเงียบ และยางรถยนต์ bridgestone​ ECOPIA EP300 สำหรับคนที่มองหายางประหยัดพลังงาน

[Image: alsr71.md.jpg]
Reference URL's