ThaiBuddyTrip.com - เว็บคู่หูของคนชอบเที่ยว

Full Version: การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ หากต้องขับฝ่าน้ำหรือฝนตก
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
ช่วงหน้าฝนทีไร บรรดาคนขับรถทั้งหลายมักกังวลใจมากเป็นพิเศษ ไหนจะต้องระมัดระวังเวลาขับรถวิ่งฝ่าสายฝน เพราะถนนในช่วงเวลานี้มักจะลื่นซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากคราบน้ำมัน ฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกาะตามท้องถนน ปัญหาน้ำท่วม เวลารถเคลื่อนตัวแต่ละทีก็กลัวปัญหารถดับ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็ลุ้นกันอยู่หลายครั้ง การขับรถในช่วงฤดูฝนจึงต้องใส่ใจตรวดูความพร้อมของเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ อยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเดินทาง

[attachment=2179]

การขับรถในสภาพน้ำท่วมพื้นถนนนั้น ถ้าเป็นน้ำท่วมในระดับผิวถนน คือระดับน้ำลึกไม่เกิน 6 นิ้ว ควรควบคุมความเร็วในการขับขี่ โดยขับให้ช้าที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่จากการวิ่งไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ หรือห้องเกียร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร เครื่องยนต์ดับได้ และทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพได้ แต่ถ้าน้ำท่วมสูงถึงท้องรถ ให้ขับรถยนต์ช้าที่สุด และสังเกตการวิ่งของรถยนต์คันข้างหน้า เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้รถวิ่งตกหลุมถนน หลังจากนั้นแล้วควรตรวจสอบประสิทธิภาพของเบรก เพราะเป็นส่วนที่จมน้ำตลอดเวลา ทดสอบได้โดยการเร่งเครื่องยนต์สลับกับการเบรก เพื่อรีดน้ำออกจากผ้าเบรก และเพื่อให้น้ำที่ขังอยู่ในจานเบรกระเหย

[attachment=2180]

สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ เครื่องยนต์ดับระหว่างการขับรถยนต์ในสภาพน้ำท่วม คือ น้ำหรือความชื้นเข้าเครื่องยนต์ จึงควรหมั่นตรวจสอบระบบไฟจุดระเบิด สามารถตรวจเช็คได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากสายคอยล์จุดระเบิดที่ควรอยู่สูงกว่าระดับปกติ จากนั้นจึงตรวจสอบยางหุ้มสายคอยล์ จานจ่าย หรือปลั๊กหัวเทียนใหม่ ถ้ามีสภาพที่ผิดรูปหรือแข็งจนเกินไปควรเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มการป้องกันความชื้นด้วยการใช้สเปรย์กันความชื้น

[attachment=2181]

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบระบบไดชาร์จของแบตเตอรี่ โดยทำความสะอาดบริเวณขั้วแบตเตอรี่ไม่ให้เกิดขี้เกลือ ถ้ามีขี้เกลือ ให้ล้างด้วยน้ำร้อนบริเวณขั้ว ขัดด้วยกระดาษทราย หรือแปรงลวด แล้วใช้จาระบีทาบริเวณขั้ว และระวังอย่าให้มีสิ่งสกปรกอุดตันรูระบายอากาศของแต่ละจุกแบตเตอรี่ สายไดชาร์จต้องอยู่ในสภาพปกติพร้อมใช้งานเพื่อส่งผ่านประจุไฟฟ้าและรองรับ การชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่เมื่อเครื่องยนต์ทำงานปกติ หรือเพื่อความมั่นใจสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ที่มีกำลังส่งกระแสไฟฟ้าสูงกว่าปกติจากเดิมประมาณ 35-45 แอมแปร์ ซึ่งเป็นกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในสภาพท้องถนนปกติและสามารถรองรับการทำงานของระบบต่างๆ ในรถยนต์ได้ เป็นกำลังไฟฟ้าประมาณ 50-65 แอมแปร์ เพื่อป้องกันกำลังไฟฟ้าตกระหว่างขับรถในสภาพฝนตกและน้ำท่วม

ที่สำคัญควรนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ อุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ หรือในบางกรณีควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และเติมน้ำกลั่นให้แบตเตอรี่ เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่ต้องกังวลใจเวลาขับ

ที่มา: http://www.manager.co.th
ข้อมูลดีมากๆเลยครับ ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ ของผมจะนำเอาข้อมูลไปประยุกต์ใช้ให้กับลูกค้าของร้านเราครับ
Reference URL's