Tue, 29 May 07, 20:00
การขับขี่ในทางโคลน
เคล็ดลับที่ 1เปิดที่ปัดน้ำฝนก่อนจะขับรถลงไปในบ่อโคลน เพราะว่าที่ปัดน้ำฝนอาจไม่สามารถทำความสะอาดดินโคลนที่กระเด็นมาเกาะยังกระจกหน้าออกไปได้ หากมีการสะสมจนหนาเกินไป.
เคล็ดลับที่ 2
หากท่านคิดว่าท่านอาจจะต้องใช้ winch เพื่อดึงรถกลับ(หลัง)ขึ้นมาจากหลุมโคลน ก็ให้ลากสายเคเบิ้ลของ winch ลอดใต้ท้องรถมาเกี่ยวตะขอไว้กับกันชนด้านหลังเสียก่อนที่จะตะลุยลงไปในบ่อโคลน เพื่อที่ว่าตัวท่านจะได้ไม่ต้องเลอะโคลนมากเหมือนเมื่อตอนลากสายเคบิ้ลลอดใต้ท้องรถในขณะที่กำลังติดหล่ม.
เคล็ดลับที่ 3
โดยทั่วไปการหลีกเลี่ยงการปั่น "ล้อฟรี" ขณะขับขี่รถในเส้นทางวิบากถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่ว่าหากติดอยู่ในบ่อโคลน การปั่นล้อ ถือว่ามีเหตุมีผลและสมควรทำอย่างยิ่งเพราะจะช่วยสลัดดินโคลนออกจากดอกยางและช่วยให้ดอกยางเกาะกับพื้นได้มากขึ้น จนทำให้รถสามารถเคลื่อนไปด้านหน้าได้.
เคล็ดลับที่ 4
ให้รีบทำความสะอาดรถของท่านโดยเร็วที่สุดเท่าที่ท่านจะสามารถทำได้ด้วยเหตุผล 2 ประการด้วยกันคือ
1) โคลนที่เกาะติดอยู่กับชิ้นส่วนต่างๆของรถ(ซึ่งทำมาจากเหล็ก)จะอมความชื้นเอาไว้และกระตุ้นให้เกิดสนิมและเกิดการผุกร่อนต่อชิ้นส่วนนั้นๆ
2) ถ้าท่านปล่อยให้โคลนแห้งเกาะเป็นก้อนติดกับเพลาส่งกำลัง(ขับ)นั้น ก็จะทำให้เพลาเสียสมดุลย์จนอาจเกิดการเสียหายร้ายแรงต่อรถได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ท่านกลับมาใช้ความเร็วอยู่บนทางหลวงอีกครั้ง
เคล็ดลับที่ 1เปิดที่ปัดน้ำฝนก่อนจะขับรถลงไปในบ่อโคลน เพราะว่าที่ปัดน้ำฝนอาจไม่สามารถทำความสะอาดดินโคลนที่กระเด็นมาเกาะยังกระจกหน้าออกไปได้ หากมีการสะสมจนหนาเกินไป.
เคล็ดลับที่ 2
หากท่านคิดว่าท่านอาจจะต้องใช้ winch เพื่อดึงรถกลับ(หลัง)ขึ้นมาจากหลุมโคลน ก็ให้ลากสายเคเบิ้ลของ winch ลอดใต้ท้องรถมาเกี่ยวตะขอไว้กับกันชนด้านหลังเสียก่อนที่จะตะลุยลงไปในบ่อโคลน เพื่อที่ว่าตัวท่านจะได้ไม่ต้องเลอะโคลนมากเหมือนเมื่อตอนลากสายเคบิ้ลลอดใต้ท้องรถในขณะที่กำลังติดหล่ม.
เคล็ดลับที่ 3
โดยทั่วไปการหลีกเลี่ยงการปั่น "ล้อฟรี" ขณะขับขี่รถในเส้นทางวิบากถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่ว่าหากติดอยู่ในบ่อโคลน การปั่นล้อ ถือว่ามีเหตุมีผลและสมควรทำอย่างยิ่งเพราะจะช่วยสลัดดินโคลนออกจากดอกยางและช่วยให้ดอกยางเกาะกับพื้นได้มากขึ้น จนทำให้รถสามารถเคลื่อนไปด้านหน้าได้.
เคล็ดลับที่ 4
ให้รีบทำความสะอาดรถของท่านโดยเร็วที่สุดเท่าที่ท่านจะสามารถทำได้ด้วยเหตุผล 2 ประการด้วยกันคือ
1) โคลนที่เกาะติดอยู่กับชิ้นส่วนต่างๆของรถ(ซึ่งทำมาจากเหล็ก)จะอมความชื้นเอาไว้และกระตุ้นให้เกิดสนิมและเกิดการผุกร่อนต่อชิ้นส่วนนั้นๆ
2) ถ้าท่านปล่อยให้โคลนแห้งเกาะเป็นก้อนติดกับเพลาส่งกำลัง(ขับ)นั้น ก็จะทำให้เพลาเสียสมดุลย์จนอาจเกิดการเสียหายร้ายแรงต่อรถได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ท่านกลับมาใช้ความเร็วอยู่บนทางหลวงอีกครั้ง