Sun, 10 Jan 21, 23:43
สำหรับใครที่กำลังทองหาบ้านในฝัน หรือว่ากำลังจะหาพื้นที่สำหรับสร้างบ้านก็คงจะหาข้อมูลเพื่อเก็บรายละเอียดหลายๆอย่างแล้วนำมาใช้ในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจว่าเราควรจะสร้างบ้านหรือในบ้านในรูปแบบใดดีกันอย่างแน่นอน ซึ่งอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราก็คือเรื่องของ สายไฟฟ้าใต้ดิน และระบบส่งจ่ายไฟฟ้าใต้ดิน มีหลายโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่มีคุณภาพจะใส่ใจในเรื่องของระบบส่งจ่ายไฟฟ้าใต้ดินด้วยารเดินสายไฟใต้ดินกันเป็น่สวใหญ่ ฉะนั้นถ้าหากว่าเพื่อนๆต้องการจะสร้างบ้านเองก็ควรที่จะยึดตามแบบหมู่บ้าน สายไฟลงดินจะถือว่าเป็นวิธีการที่ช่วยยืดอายุการใช้งานได้เป็นอย่างดี และยังมีเรื่องข้อดี ข้อเสีย สายไฟลงดิน ที่น่าสนใจอีกด้วย
เมื่อก่อนนั้นเราจะเห็นได้ว่าเรื่องของระบบส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าใดๆก็ตามนั้นเราก็มักจะเห็นอยู่เป็นลักษณะของการเดินสายไฟลอยฟ้า ทำให้เราเห็นสายไฟที่ระโยงระยางไปตามทางอย่างที่เป็นอยู่นั้นเอง ต่อมานั้นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบด้วยการนำเอาวิธีการเดินสายไฟใต้ดินมาใช้ ฉะนั้นระบบส่งจ่ายไฟฟ้าใต้ดินนั้นแน่นอนว่ามันจะช่วยทำให้ภูมิทัศน์ดีขึ้นยังแน่นอน และอีกหนึ่งความสำคัญคือช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดีกว่าวิธีการเดิมๆ ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า การเดินสายไฟใต้ดินนั้นจะใช้สายไฟฟ้าโดยมีฉนวนที่เป็น PVC ในการทุ่มลวดทองแดงเอาไว้และในชั้นข้างนอกนั้นก็จะมีฉนวนไฟฟ้าอีกชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งฉนวนที่เป็น PVC นั้นเราใช้ในการเดินสายไฟลอยฟ้าอยู่แล้วเพราะทนความร้อน ไม่ติดไฟ ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศกันอยู่แล้ว และเมื่อมันมีฉนวนหุ้มอีกชั้นหนึ่งนั้นจะช่วยเพิ่มความทนทานขึ้นไปอีก ประกอบกับการเดินสายไฟใต้ดินนั้นจะมีการนำสายไฟร้อยเข้าไปในท่ออย่างมิดชิด ไม่ต้องเจอกับอากาศที่แปรปรวนตลอดเวลาความชื้นที่อาจจะทำให้เกิดสนิม หลีกเลี่ยงปัญหาการช็อตด้วยเหตุต่างๆไม่ว่าจะเป็นจากงู หนู กระรอก หรือกิ่งไม้ เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงทำให้โอกาสในการเกิดการชำรุดของสายไฟฟ้าเป็นไปได้น้อยนั่นเอง
และจากที่เราได้กล่าวไปนั้นเราก็หวังว่าจะช่วยทำให้เพื่อนๆได้เห็นถึงข้อดีของการที่หมู่บ้าน สายไฟลงดินกัน ซึ่งจากการสำรวจนั้นพบว่า การที่เลือกใช้ระบบจ่ายไฟฟ้าใต้ดินนั้นจะมีอายุในการใช้งานสูงถึง 50 ปี แต่ทว่าในที่เลือกใช้ระบบการเดินสายไฟฟ้าด้วยสายอากาศนั้นมีอายุเฉลี่ยประมาณแค่ 25 ปีเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้หากเพื่อนไม่ต้องการที่จะเสียค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมระบบสายไฟฟ้านั้น เราจึงแนะนำให้เพื่อนได้พิจารณาใช้ระบบการเดินสายไฟฟ้าใต้ดินกันจะดีกว่า รวมไปถึงผู้ที่จะเลือกซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านต่างๆนั้นเราก็แนะนำให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อโครงการที่มีการวางระบบในเรื่องของสายไฟฟ้าใต้ดินด้วย เพราะอย่างน้อยๆนั้นเราก็จะได้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามนั่นเอง
เมื่อก่อนนั้นเราจะเห็นได้ว่าเรื่องของระบบส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าใดๆก็ตามนั้นเราก็มักจะเห็นอยู่เป็นลักษณะของการเดินสายไฟลอยฟ้า ทำให้เราเห็นสายไฟที่ระโยงระยางไปตามทางอย่างที่เป็นอยู่นั้นเอง ต่อมานั้นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบด้วยการนำเอาวิธีการเดินสายไฟใต้ดินมาใช้ ฉะนั้นระบบส่งจ่ายไฟฟ้าใต้ดินนั้นแน่นอนว่ามันจะช่วยทำให้ภูมิทัศน์ดีขึ้นยังแน่นอน และอีกหนึ่งความสำคัญคือช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดีกว่าวิธีการเดิมๆ ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า การเดินสายไฟใต้ดินนั้นจะใช้สายไฟฟ้าโดยมีฉนวนที่เป็น PVC ในการทุ่มลวดทองแดงเอาไว้และในชั้นข้างนอกนั้นก็จะมีฉนวนไฟฟ้าอีกชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งฉนวนที่เป็น PVC นั้นเราใช้ในการเดินสายไฟลอยฟ้าอยู่แล้วเพราะทนความร้อน ไม่ติดไฟ ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศกันอยู่แล้ว และเมื่อมันมีฉนวนหุ้มอีกชั้นหนึ่งนั้นจะช่วยเพิ่มความทนทานขึ้นไปอีก ประกอบกับการเดินสายไฟใต้ดินนั้นจะมีการนำสายไฟร้อยเข้าไปในท่ออย่างมิดชิด ไม่ต้องเจอกับอากาศที่แปรปรวนตลอดเวลาความชื้นที่อาจจะทำให้เกิดสนิม หลีกเลี่ยงปัญหาการช็อตด้วยเหตุต่างๆไม่ว่าจะเป็นจากงู หนู กระรอก หรือกิ่งไม้ เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงทำให้โอกาสในการเกิดการชำรุดของสายไฟฟ้าเป็นไปได้น้อยนั่นเอง
และจากที่เราได้กล่าวไปนั้นเราก็หวังว่าจะช่วยทำให้เพื่อนๆได้เห็นถึงข้อดีของการที่หมู่บ้าน สายไฟลงดินกัน ซึ่งจากการสำรวจนั้นพบว่า การที่เลือกใช้ระบบจ่ายไฟฟ้าใต้ดินนั้นจะมีอายุในการใช้งานสูงถึง 50 ปี แต่ทว่าในที่เลือกใช้ระบบการเดินสายไฟฟ้าด้วยสายอากาศนั้นมีอายุเฉลี่ยประมาณแค่ 25 ปีเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้หากเพื่อนไม่ต้องการที่จะเสียค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมระบบสายไฟฟ้านั้น เราจึงแนะนำให้เพื่อนได้พิจารณาใช้ระบบการเดินสายไฟฟ้าใต้ดินกันจะดีกว่า รวมไปถึงผู้ที่จะเลือกซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านต่างๆนั้นเราก็แนะนำให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อโครงการที่มีการวางระบบในเรื่องของสายไฟฟ้าใต้ดินด้วย เพราะอย่างน้อยๆนั้นเราก็จะได้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามนั่นเอง