[
attachment=3467][/color][/size][/font][font=Arial][size=medium][color=#0000FF]
ย้อนไปเมื่อประมาณ ปี 2007 เราใช้เส้นทาง 105 ในการท่องเที่ยว เดินทางไปยัง จ.แม่ฮ่องสอน
ครั้งนั้น สถานที่พักแรมของเราก็คือ อุทยานแห่งชาติ แม่เมย จุดชมทะเลหมอกริมชายแดน ไทย-พม่า ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดตาก
เลยออกไปอีก ไม่ไกลนัก จะเห็นภูเขาหญ้า รูปร่างแปลกตา สูงตระหง่าน ...ในวันนั้น ทำให้เรารู้จัก เพียงแค่ ชื่อของภูเขาลูกนี้เท่านั้น
.
และ..ในที่สุด วันนี้ .. เราก็ได้มา ยืน อยู่บนยอดเขา แห่งนี้ แล้ว ในปี 2011
ที่นี่ ...คือ “ม่อนทูเล” ...... ภูเขาทองคำ ความทรงจำแห่งใหม่ อ. ท่าสองยาง จ. ตาก ประเทศไทย
[/size]เวลา ผ่านไป หนึ่งปีเต็ม ที่ห่างหาย จากรองเท้าคู่นี้
ทริปนี้เป็นทริป ตามหาทะเลหมอก ปลายฝนต้นหนาว แรกของปี 2011
การเดินทางด้วยเท้าของเรา เริ่มต้น ที่นี่ ณ หมู่บ้าน ทูเล อ.ท่าสองยาง
ในวันที่ 10 พย. 2011
[
attachment=3468]
ทริปนี้เราเดินทาง ด้วยกันทั้งหมด 12 ชีวิต จากทุกสาระทิศ แต่จุดหมายเดียวกัน นั่นคือ ม่อนทูเล ที่อยู่เบื้องหน้า
แสงแดดยามสายเริ่ม แผดเผา เอ้า ออกเดินกันได้แล้ว พวกเรา
[
attachment=3469]
การเดินทางในช่วงแรก เป็นการเดินทางผ่านทุ่งนา อุ่นเครื่องกันก่อน กับแดดร้อนๆ
แต่เพียงแค่ระยะสั้นๆ เราก็เริ่ม เข้าเขตป่ากันแล้ว
หมู่บ้านกับ ป่า แค่เพียง นากั้น
[
attachment=3471]
เริ่ม ต้นไต่ ระห่ำ กับเขา ลูกแรก
มีน้องหมามาช่วย ดูแลความปลอดภัยด้วย
[
attachment=3472]
ถึงแม้จะเป็นกลุ่ม ที่เปิดประเดิม ทริปแรกของปี แต่ทางเดิน ยังมีร่องรอยคนเดิน แสดงว่า ป่าแถบนี้ คือ ซุปเปอร์มาร์เกต ชั้นดี ที่ใช้หาของป่า ของชาวบ้านเป็นแน่
[
attachment=3473]
แล้วเราจะช้าอยู่ใย .... ไปเดินเล่นใน ซุปเปอร์มาร์เกต ตามธรรมชาติ กับภูเขาลูกที่ 2 กันต่อเลยดีกว่า
[
attachment=3474]
ความชันยังคงไม่ลดละ 3 ชั่วโมง ผ่านไป กับการเดินข้ามเขา 3 ลูก ครึ่งทางแล้วกับการเดินเล่นในป่าใหญ่
[
attachment=3475]
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก พักครึ่ง แวะทานข้าวใต้ร่มไม้ ใหญ่
ถามว่าเหนื่อยไม๊ ....เหนื่อยมาก
ถามว่า หนุกไม๊ .....ตอบเลยว่า หนุกมาก
[
attachment=3476]
ผ่านลำธารเล็กๆ สัญลักษณ์ ที่บ่งบอกว่าครึ่งทางแล้ว เราเดินต่อไป ยังเขา ลูกที่ 4
ความชัน ยังเหลืออยู่ อีกเหรอ เนี่ย
[
attachment=3477]
หันหลังกลับมาถามคนนำทางอยู่ตลอด ใกล้รึยังน้อง
คำตอบที่ได้ "ข้างหน้า นี่แหล่ะพี่ " ดูม้านนนน ตอบเป็นอยู่คำเดียว ตั้งแต่ครึ่งทางละ
[
attachment=3478]
และในที่สุด ภูเขาลูก สุดท้ายของวันนี้ ที่เราจะ ปีน ก็คือ ม่อนทูเล
การเดินทางสู่ ลานแคมป์ ใกล้ถึงความจริงเข้ามาทุกขณะแล้ว
ตรงนี้เป็น จุดพัก ครึ่งเขา ของม่อนทูเล
เราจะพักเพื่อรอ สมาชิกกันที่นี่ เป็นจุดสุดท้าย และ จากนั้นก็จะเริ่ม ต้นปีนขึ้นสู่ ม่อนทูเล
[
attachment=3479]
หนทางข้างหน้าเริ่ม ไต่ระห่ำ มีเพียงกอหญ้าให้ยึดเหนี่ยว ความชัน ระดับ 60-70 องศา
เหยียบ หญ้าพลาดเพียงก้าวเดียว มีสิทธิ กลิ้งลงไปลงไปเบื้องล่าง
[
attachment=3480]
ใกล้พ้นเนินไต่ระห่ำแล้ว ใช้เวลา กับการปีนขึ้นม่อนทูเล ประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมง
มองไปยัง เขาทางฝั่งพม่า เทือกเขาตะนาวศรี ที่กั้น พรมแดนไทย-พม่า สวย สงบ ดูเยือกเย็น
[
attachment=3481]
ในที่สุดก็ ขึ้นมาบนเขา กันได้แล้ว แต่ยังไม่จบแค่นั้น เดิน กันไปต่อ ข้างบนนี้เป็น ป่าลักษณะดิบชื้น ต้นไม้ใส่เสื้อ เยอะ
ถ้าใครชอบ มาโคร ก็จัดเต็ม มากันได้เลย แต่พวกเราเดินผ่านกันลิ่วๆ เพราะไม่มีเวลาแล้ว
พระอาทิตย์ กำลังจะลา
เดินตามธารน้ำไปเรื่อย ๆ ไปจน ถึงลานแค้มป์ แถวนี้สวย ถ้ามีเวลาถ่ายภาพ สักหน่อยนะ
[
attachment=3482]
ในที่สุดก็มาถึงลานแคมป์ แต่โชคไม่ค่อยเข้าข้าง เมฆหนา ฟ้าบังพระอาทิตย์หมด ที่สำคัญ หมดแรงจะเดินต่อไปชมอาทิตย์ตกแล้ว ววววว
คืนนั้นก็ ได้นอนหนาวๆ ดูดาว ใกล้กองไฟ มีเสียงน้ำไหล และเสียงเรไร ขับกล่อม สมใจ
ท่ามกลางพระจันทร์เต็ม และดวงดาวอีกนับล้าน ที่แอบ มองเรา ...
[
attachment=3483]
(Tue, 31 Jan 12 19:53)bonny เขียน: [ -> ]สวัสดีครับ คุณพลายแก้ว
สวัสดีค่ะ พี่Bonny สบายดีนะคะ
ได้ยินเสียงพี่ๆ ปลุก ตั้งแต่ ตี4.50
เดินงัวเงีย ไปล้างหน้า จนเกือบตกธารน้ำ แต่เมื่อ สัมผัสน้ำ เท่านั้นแหล่ะ โอ้โน้ววววววว เย็นยังก่ะ น้ำแข็ง
.
เช้านี้เราต้องออกเดินทาง ตั้งแต่ ตี ห้า ครึ่ง เพื่อเดินทางต่อไป ยัง ยอดยอด กันจ๊า
ไปกันได้ แล้ว ทะเลหมอก รอเราอยู่
[
attachment=3522]
จากลานแค้มป์ เดินทางสู่ยอดเขา ใช้เวลา เดินไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1ชม. ครึ่ง
ลัดเลาะไต่ เขา รับลมเย็นๆ ไปเรื่อยๆ แต่ ต้อง ปีน ปีน และก็ปีน
[
attachment=3523]
ออกสายไปหน่อย พระอาทิตย์ มานู้นนนนนน แล้ว
[
attachment=3523]
เนื่องจากเราเป็นกลุ่มแรกที่เปิดประเดิม ม่อนทูเล ดังนั้น ทุกอย่าง ประเดิม หมด รวมถึงเส้นทาง ที่ปกคลุมไปด้วย หญ้า ด้วย ที่ต้อง เปิดประเดิม ให้เป็น ทาง ที่พอจะปีนได้
เริ่ม มาเต็ม
ย่างเข้า สู่ฤดูหนาวแล้ว เป็นธรรมชาติ ที่พระอาทิตย์ จะขึ้นเร็ว กว่า ในฤดู อื่นๆ
[
attachment=3525]
หมดแสงพระอาทิตย์ ยามเช้า สวยๆ ไปแล้ว
แต่ความสวยงามบนยอด ม่อนทูเล ยังไม่หมด แค่นี้
นู้นนนน ไง "ทะเลหมอกพม่า " รออวดโฉม อยู่ เป็น รายต่อไป
[
attachment=3525]
และเรา ก็ รอ ถ่ายรูป อยู่ เป็น รายต่อไปเหมือน กัน เมื่อไหร่ จะถึง คิวเค้าอ่ะ
ตากล้อง
[
attachment=3525]
มาต่อ ยังคงเป็น วิวเช่น เคย แต่ เป็น วิว ทางฝั่ง ตะวันตกบ้าง
เขา ซ้อนเขา และเราอยู่ เหนือ ขุนเขา
[
attachment=3528]
[
attachment=3529]
มอง ดูใหม่ ตอนนี้ เหมือนกับว่าทะเลหมอก .....ทำหน้าที่ แบ่งเขตแดน ภูเขาไทยและพม่า
.... ทะเลหมอก มิตรภาพ ที่เชื่อม ระหว่าง 2 ประเทศ เข้าด้วยกัน ....
เมื่อ แสงอาทิตย์ ฉายแสง ก็ทำให้เรารู้ว่า ตอนนี้เราอยู่สูงแค่ไหน และอยู่ที่ใด
ม่อนทูเล ชื่อนี้ อาจจะไม่คุ้นหูมากนัก ตั้งอยู่ที่จ .ตาก ซึ่งรู้จักกันดี ถึงชื่อเสียงและความงดงามของทะเลหมอกทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1400 เมตร ตรงที่เพื่อนๆ ยืนอยู่ ตรงนู้น แต่จุดที่นั่งอยู่ตรงนี้ 1350 เมตร
[
attachment=3644]
ตรงหินกอง ในภาพ เห็น ไกด์บอกว่า จเอาหินมากองทำเป็นเจดีย์ แล้วเอาธงชาติไทย ปักไว้ แต่ธง คงทนแรงลมไม่ไหว ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ทางเราก็เตรียม ซื้อ ธงชาติเอาไว้ ตั้งใจว่า จะเอาขึ้นไปปักไว้ ให้ เป็นการเปิดทริปของ ม่อนทูเล
.
ปรากฎว่า ลืมซะนี่
[
attachment=3645]
หลายคนถาม ทำไม ต้องขึ้นไป เหนื่อยจะตาย
แต่เชื่อ ได้ เลยเลย ว่า ถ้าใครที่ได้ ขึ้นมาถึงด้านบน แล้ว ต้องบอกว่า คุ้ม ... และได้คำตอบ ที่ว่า ... ทำไมต้องขึ้นมา ?
ม่อนทูเล เปิดให้นักท่องเที่ยว ขึ้นมาศึกษาธรรมชาติอย่างเป็นทางการมาได้ 3 ปี แล้วค่ะ
[
attachment=3646]
สายแล้ว ได้เวลา กลับ แค้มป์ หม่ำข้าว เอ้า ไปกันได้แล้ว
เพื่อนๆ ทะยอย ลงไปหมดละ
[
attachment=3647]
... แสงแดด แผดเผา ทะเลหมอกเริ่ม ละลายหายไป
แต่ยังคงมีเหลือ อยู่ ทางด้าน ฝั่งใต้ ตรงนั้น ก็มี ภูเขา สูง ที่เรา สามารถ เดินขึ้นไป ชมทะเลหมอกได้เช่นกัน
เรียก ว่า "ม่อนครุย" จัดว่าได้ว่าทะเลหมอก เต็มตา และเต็มอิ่ม
[
attachment=3648]
มีตำนานม่อนทูเล จะมาเล่าให้ฟัง ในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่มีคนมาอาศัย ตั้งรกราก ที่หมู่บ้านใหม่ๆ (หมู่บ้านทูเล ที่อยู่ด้านล่าง ที่เรา ออก startนั่นแหล่ะค่ะ) ในครั้งนั้นชาวบ้านค่อนข้างยากจน เก็บของป่าหาเลี้ยงชีพ ตามประสา ชาวเขา ทั่วไป
[
attachment=3649]
เรื่องราวเกิดขึ้น เมื่อ วันนึงชายหนุ่มในหมู่บ้านไปพบรักกับสาว แต่ที่ บ้านไม่มีเงิน และไม่มี สัตว์เลี้ยงที่พอจะไปขอสาว นางนั้น
[
attachment=3650]
พ่อแม่ของชายหนุ่ม ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้คิดหาที่พึ่งสุดท้าย นั่นคือ เดินทางมาที่ผืนป่าทึบบ นภูเขาด้านหลังหมู่บ้าน
ซึ่ง นั่นก็คือ "ม่อนทูเล"
(สำหรับคนที่เคยไปแล้ว สถานที่ที่พ่อแม่ชายหนุ่ม มาในตำนาน นั่นคือ ตรงที่ข้ามลำธาร ที่เราแวะดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่กันนั่นแหล่ะค่ะ ซึ่งเราเลี้ยวขวา ปีนขึ้นยอด แต่ถ้าตรงไปจะเป็นที่ที่ชาวบ้านไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขา)
[
attachment=3651]
เพื่อมาบนบานศาลกล่าวกับเจ้าป่า เจ้าเขา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอ หมู ไปขอสาวให้กับลูกชาย
โดยทำคอกกักหมูเอาไว้ด้วย วันรุ่งขึ้นก็พบหมูอยู่ในคอกที่ได้ทำเอาไว้ อย่างน่าประหลาด
จึงมีหมูไปขอ สาวให้ลูกชาย ได้สมใจ
[
attachment=3652]
ก็เลย ถามไปว่า แบบนี้ขออะไรก็ได้เหรอ
เค้าบอกว่าไม่ได้ จะได้เฉพาะสัตว์ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ไม่เป็น เช่นนั้นแล้ว ชาวบ้านไม่ซื่อสัตย์
ขอ 2 ตัว เอาไปขอสาวจริงๆ 1 ตัว แต่ เอาไปขาย 1 ตัว
.และเมื่อชาวบ้านไม่ซื่อสัตย์ เจ้าป่าเจ้าเขา...ไม่ให้แล้ว.....จึงกลายเป็นเพียงแค่ตำนาน
[
attachment=3653]
.... กลับมาเที่ยวท่อนนทูเล กัน ต่อ
... มีอีกเรื่อง เล่า ถึงความศักดิ์ ของเจ้าป่าเจ้าเขา ที่นี่ และยังคงเป็นปริศนา
.... ชาวบ้านทั่วทุกหลังคาเรือนจะได้ยินเสียงกลอง ตีรัวดังมาจากภูเขาหลังหมู่ บ้าน นั่นก็คือ ม่อนทูเล ประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง..
จะได้ยินเกือบทุกคน ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ในคืนเดือนใหญ่ หรือ คืนเดือนเพ็ญ
[
attachment=3722]
มัวแต่โม้ ยังเดินกลับ ไม่ถึง แคมป์ สักที หนทางยังอีกไกล แค้มป์ เราอยู่ นู้นนนนนน
ขึ้นมายากลำบาก ก็เก็บ ภาพกัน เต็มที่ค่ะ มีเวลา เก็บ ภาพระหว่าง เดินจากยอดทูเล ถึงแค้มป์ กันแค่ 2 ชั่วโมงเอง
[
attachment=3724]