Mon, 05 Feb 24, 15:15
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มลงทุนผ่านลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมายนั้น สามารถทำได้อย่างสะดวกง่ายดายมาก โดยไม่ต้องเสียเวลาไปติดต่อที่ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ปัจจุบันสามารถทำรายการสั่ง ซื้อขายกองทุนผ่านแอพ บนโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย เพียงแต่ต้องเข้าใจหลักการและขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับการเริ่มต้นลงทุนก่อน โดยเริ่มจาก
เปิดบัญชีสำหรับการ ซื้อกองทุน โดยใช้หลักฐานสำคัญคือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่ต้องการหักเงินสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนหรือรับเงินเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน โดยสามารถติดต่อขอเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นเครือข่ายของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ผ่านทางโทรศัพท์ก็ได้
ในการเปิดบัญชีนั้น นักลงทุนจะต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อวัดระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับการลงทุนเพื่อเป็นการคัดกรองประเภทของกองทุนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนของนักลงทุนมือใหม่
เมื่อทำการเปิดบัญชีและกระบวนการประเมินความเสี่ยงเรียบร้อยก็สามารถเลือก กองทุนรวม ที่ต้องการจะลงทุนเพื่อขอซื้อหน่วยลงทุนได้ทันที ขณะเดียวกันยังสามารถโหลดแอปพลิเคชั่นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหรือธนาคารพาณิชย์ที่ทำการซื้อขาย กองทุน นั้น ๆ ไว้บนสมาร์ทโฟนหรือ Device ต่าง ๆ เพื่อทำการซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ
ทั้งนี้ นักลงทุนยังสามารถลงทุนแบบ “ทะยอยสะสม” เป็นรายเดือนเพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนในระยะยาว ในลักษณะที่เรียกว่า “Dollar Cost Average” หรือ DCA ซึ่งตามหลักการแล้ว วิธีการทะยอยแบบนี้จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยในระยะยาวมีโอกาสต่ำลงกว่าการลงทุนในระยะสั้นหรือลงทุนเพียงครั้งเดียวได้ โดยสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอซื้อสะสมเป็นรายเดือน ทุก ๆ เดือนในวงเงินเท่า ๆ กันหรือจะทะยอยซื้อสะสมเองผ่านแอพลิเคชั่นก็ได้
หากต้องการได้แต้มต่อในเรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็สามารถเลือก ซื้อกองทุน ประเภทลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีแทนกองทุนทั่วไปได้เช่นกัน โดยกองทุนประเภทที่หักลดหย่อนภาษีได้ก็คือกองทุน SSF หรือ RMF ซึ่งมีการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป อาทิ ลงทุนพันธบัตรรัฐบาล ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ DR, หุ้นในประเทศ, ทองคำ, น้ำมัน รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ แต่จะได้แต้มต่อมากขึ้นจากการนำไปหักลดภาษีในปีที่มีการซื้อกองทุนเหล่านี้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด
หากกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการขาดทุนในการลงทุนผ่านกองทุนรวมก็สามารถใช้วิธีกระจายการลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัว เพราะหากราคาของหน่วยลงทุน(NAV) ของกองทุนใดกองทุนหนึ่งลดลง ก็อาจส่วนของ NAV ที่ได้กำไรจากกองทุนประเภทอื่นมาถัวเฉลี่ยทำให้น้ำหนักการขาดทุนลดลงได้
การลงทุนผ่านกองทุนนั้นถือว่ามีสภาพคล่องค่อนข้างสูงโดยสามารถซื้อและขายได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดก็สามารถขายหน่วยลงทุนที่ถืออยู่และรับเงินสดแทนได้ในเวลาอันสั้น
ขั้นตอนและประโยชน์ของการลงทุนผ่านกองทุนรวมนี้เองที่ทำให้เป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มสร้างความมั่นคงในอนาคตได้อย่างง่ายดาย
เปิดบัญชีสำหรับการ ซื้อกองทุน โดยใช้หลักฐานสำคัญคือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่ต้องการหักเงินสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนหรือรับเงินเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน โดยสามารถติดต่อขอเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นเครือข่ายของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ผ่านทางโทรศัพท์ก็ได้
ในการเปิดบัญชีนั้น นักลงทุนจะต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อวัดระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับการลงทุนเพื่อเป็นการคัดกรองประเภทของกองทุนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนของนักลงทุนมือใหม่
เมื่อทำการเปิดบัญชีและกระบวนการประเมินความเสี่ยงเรียบร้อยก็สามารถเลือก กองทุนรวม ที่ต้องการจะลงทุนเพื่อขอซื้อหน่วยลงทุนได้ทันที ขณะเดียวกันยังสามารถโหลดแอปพลิเคชั่นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหรือธนาคารพาณิชย์ที่ทำการซื้อขาย กองทุน นั้น ๆ ไว้บนสมาร์ทโฟนหรือ Device ต่าง ๆ เพื่อทำการซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ
ทั้งนี้ นักลงทุนยังสามารถลงทุนแบบ “ทะยอยสะสม” เป็นรายเดือนเพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนในระยะยาว ในลักษณะที่เรียกว่า “Dollar Cost Average” หรือ DCA ซึ่งตามหลักการแล้ว วิธีการทะยอยแบบนี้จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยในระยะยาวมีโอกาสต่ำลงกว่าการลงทุนในระยะสั้นหรือลงทุนเพียงครั้งเดียวได้ โดยสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอซื้อสะสมเป็นรายเดือน ทุก ๆ เดือนในวงเงินเท่า ๆ กันหรือจะทะยอยซื้อสะสมเองผ่านแอพลิเคชั่นก็ได้
หากต้องการได้แต้มต่อในเรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็สามารถเลือก ซื้อกองทุน ประเภทลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีแทนกองทุนทั่วไปได้เช่นกัน โดยกองทุนประเภทที่หักลดหย่อนภาษีได้ก็คือกองทุน SSF หรือ RMF ซึ่งมีการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป อาทิ ลงทุนพันธบัตรรัฐบาล ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ DR, หุ้นในประเทศ, ทองคำ, น้ำมัน รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ แต่จะได้แต้มต่อมากขึ้นจากการนำไปหักลดภาษีในปีที่มีการซื้อกองทุนเหล่านี้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด
หากกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการขาดทุนในการลงทุนผ่านกองทุนรวมก็สามารถใช้วิธีกระจายการลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัว เพราะหากราคาของหน่วยลงทุน(NAV) ของกองทุนใดกองทุนหนึ่งลดลง ก็อาจส่วนของ NAV ที่ได้กำไรจากกองทุนประเภทอื่นมาถัวเฉลี่ยทำให้น้ำหนักการขาดทุนลดลงได้
การลงทุนผ่านกองทุนนั้นถือว่ามีสภาพคล่องค่อนข้างสูงโดยสามารถซื้อและขายได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดก็สามารถขายหน่วยลงทุนที่ถืออยู่และรับเงินสดแทนได้ในเวลาอันสั้น
ขั้นตอนและประโยชน์ของการลงทุนผ่านกองทุนรวมนี้เองที่ทำให้เป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มสร้างความมั่นคงในอนาคตได้อย่างง่ายดาย